เขียนโดย : ปัญญา พละกลาง

Product Manager

สวัสดีครับทุกท่าน หลายๆท่านอาจจะรู้จักหรือเคยใช้ CT (Current Transformer) กันมาบ้างแล้ว ซึ่ง CT ก็คืออุปกรณ์ที่ใช้วัดค่ากระแสไฟฟ้าที่ไหลผ่านสายไฟได้ โดยไม่ต้องนำมิเตอร์ไปต่ออนุกรมให้กระแสไหลผ่านแต่อย่างใด เพียงแค่นำตัว CT ไปคล้องสายไฟไว้เท่านั้น แล้วนำผลการวัดที่ได้ไปต่อจอแสดงผลก็จะทราบค่ากระแสไฟฟ้าที่ไหลผ่าน ส่วน CT Split Core ก็เหมือน CT ที่กล่าวมาทุกประการ เพียงแต่สะดวกขึ้นไปอีกที่ตัวมันเปิดแบ่งครึ่งได้ จึงสามารถเปิดแล้วเอาไปคล้องสายไฟได้โดยไม่ต้องถอดสายไฟออกด้วยซ้ำ จึงเพิ่มความสะดวกให้กับผู้ใช้งานอย่างมาก

ทุกวันนี้ในท้องตลาดแวดวงการไฟฟ้าและอุตสาหกรรมนั้นมีการพัฒนาเปลี่ยนแปลงไปมาก โดยเฉพาะอุปกรณ์เครื่องมือวัดทางไฟฟ้า ยกตัวอย่าง CT Split core ของยี่ห้อ CARLO GAVAZZI รุ่น CTV-Series ล่าสุดก็มีเอาต์พุตออกมาเป็นแรงดัน 0.333VAC (Secondary output) หรือ 333mVAC นั่นเองครับ ซึ่งอินพุตเป็นกระแส (Primary Current) ตั้งแต่ 60A ถึง 800A มีให้เลือกหลายช่วง ก็คือตัวเดียวกันเพียงแค่เปลี่ยนหน่วยในการเขียนเท่านั้นครับ

ข้อดี-ข้อเสีย CT Split Core คือ
1. มีหลายขนาดให้เลือก ตั้งแต่เล็ก ถึง ขนาดใหญ่ ตามช่วงกระแสใช้งาน
2. ขนาดเล็กสามารถใส่ในตู้ Consumer Unit Schneider และ ตู้ Load Center ได้
3. มีค่าความแม่นยำ Accurracy Class :1 ทนแรงดันได้สูงถึง 720 VAC
4. ต้องใช้กับ Power meter ที่รับอินพุตเป็นแรงดัน 0.333VAC ได้ เท่านั้น เช่น ของ Carlo Gavazzi ด้วยกันก็เป็นรุ่น EM21-72V, EM210V และ อื่นๆ

รูปที่1: CT Split core แบบ เอาต์พุตแรงดัน 0.333VAC รุ่น CTV-Series

รูปที่2: CT แบบเอาต์พุตกระแส 1A และ 5A

ซึ่งเมื่อเราพูดถึง CT Split core แล้ว การประยุกต์ใช้งานร่วมกับ Power Meter ขอเน้นย้ำว่าอินพุตและเอาต์พุตต่างๆจะต้องเหมาะสมกันนะครับ ไม่อย่างนั้นค่าที่แสดงผลออกมาจะไม่ตรงกันได้ครับ

รูปที่ 3: Power Meter EM21-72V




รูปที่ 4: Consumer Unit Schneider

รูปที่ 5: Load Center และติดตั้ง CT Split core