เขียนโดย : วิโรจน์รัตน์ เฟื่องฟู
ฝ่ายขายสาขาธนบุรี

สวัสดีครับทุกท่านวันนี้ ผมมีเกร็ดเล็กน้อยมานำเสนอเพื่อเป็นประโยชน์ต่อทุกคน นั่นก็คือการเลือก Encoder เราจะต้องดูที่อะไรบ้าง มาดูกันเลยครับ Encoder (เอ็นโค้ดเดอร์) นั้นเรารู้อยู่แล้วว่าเป็นอุปกรณ์ที่ทำหน้าที่ในการเข้าคำนวนระยะทางการหมุนรอบตัวเอง เพื่อแปลงไปเป็นค่าทางสัญญาณไฟฟ้า เพื่อหาค่าต่างๆ เช่นความเร็วรอบ หรือระยะทางการหมุน กระทั่งองศาการเคลื่อนที่ ได้ตามความต้องการของเรา สิ่งที่สำคัญในการเลือกเอ็นโค้ดเดอร์นั้น ให้ได้ตามความเหมาะสมกับเรา มาดูว่าควรเลือกจากอะไรบ้าง

1. ความยาวสายสัญญาณของเอ็นโค้ดเดอร์ : ถ้ากรณีที่เรานำตัวเอ็นโค้ดเดอร์ไปตรวจจับงานที่มีสัญญาณความเร็วที่มีความถี่สูง จะทำให้ระยะความยาวสายสั้น เนื่องจากว่าความต้านทานในสายสัญญาณมีค่าสูงมากที่ความถี่สูง ทำให้เกิดการลดทอนสัญญาณที่วิ่งตามมา การเลือกใช้ควรระวังเเละเลือกให้เหมาะสมกับหน้างานที่สุด

2. ความเร็วที่สูงที่สุดของเอ็นโค้ดเดอร์ : เราต้องรู้ว่าความเร็วสูงสุดของแกน นั้นจะขึ้นอยู่กับความยาวของสายเอ็นโค้ดเดอร์ด้วย ถ้าสายยาวมากจะทำให้เกิดค่าตัวเก็บประจุขึ้นมาอาจจะเกิดผลกระทบต่อสัญญาณ โดยเราสามารถคำนวน หาค่าความเร็วสูงสุดได้จากสูตร

RPM = Max Frequency(kHz) x 60 x 100/ PPR

RPM = ความเร็วรอบสูงสุด (รอบ/นาที) Max.Frequency = ความถี่สูงสุดที่ตัวคอลโทรลอ่านได้ PPR = จำนวนพลัส์/รอบ ที่เอ็นโค้ดเดอร์ จ่ายได้

Resolution/Pulse rate : เป็นตัวแปรที่มีความสัมพันธ์กัน คือ Pulse rate นั้นเป็นจำนวน พัลส์ต่อรอบเมื่อมีการหมุนเอ็นโค้ดเดอร์ 1 รอบ

ส่วนค่า Resolution นั้นคือค่าความละเอียดสูงสุดที่สามารทำได้ ซึ่งจะขึ้นอยู่กับจำนวน Pulse rate นั้นเอง

3. ประเภทการใช้งานของเอ็นโค้ดเดอร์ แบบ Optical กับ แบบ Magnetics จะมีความแตกต่างกัน ถ้าเป็นหน้างานที่ต้องการความแม่นยำที่สูงหรือความละเอียดที่เกิดการผิดพลาดน้อยที่สุด ให้เราเลือก Encoder แบบ Optical แต่ถ้าเป็นงานที่ต้องใช้กับหน้างานที่มีฝุ่นละอองเยอะ หรืออาจจะมีการกระเเทกโดยไม่คาดคิดนั้น เราควรจะเลือกใช้งาน Encoder แบบ Magnetics ในเเบบหลังนี้ จะเป็นที่นิยมใช้เเล้วมีราคาที่ถูกกว่า ซึ่งของทาง TIC ก็มีให้เลือกใช้อยู่หลากหลายรุ่น เช่น 3700/3720 (Shaft/Hollow shaft) เป็นต้น